บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 3
วันพุธ ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561
เวลา
08.30 - 11.30 น.
Knowledge (ความรู้)
2.เรียนเนื้อหาในวิชา
บทบาทหน้าที่ของผู้บริหาร
บทบาทของผู้บริหาร
ผู้นำในยุคโลกาภิวัตน์
เมื่อกล่าวถึงผู้นำ
คนส่วนใหญ่จะคิดถึงภาพของผู้ที่มีอำนาจ มีตำแหน่งใหญ่โต มีอิทธิพล ต่อผู้อื่น
ผู้นำที่ยิ่งใหญ่สามารถสั่งการได้ หรือเดินตามในทิศทางที่ผู้นำก้าวเดินหรือกำหนดให้
ผู้คนเกรงกลัว
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในการบริหาร
ผู้นำยังคงเป็นความคาดหวังสูงสุดในการแบกรับภาระ นำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ
แต่ทว่า บทบาทผู้นำในยุคของพระนเรศวรมหาราชกับผู้นำของวันนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
โดยเฉพาะในโลกของธุรกิจ หากผู้นำคนใดยังผูกขาดการตัดสินใจ
ไม่ยอมสร้างการมีส่วนร่วม ก็ยากที่จะนำพาองค์กรหรือประเทศอยู่รอดได้อย่างยั่งยืน
และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ
ผู้นำยุคนี้ต้องทำงานเชิงรุกเพื่อสร้างความได้เปรียบอยู่เสมอ
ความหมายและประเภทของผู้นำ
ผู้นำ (Leader) หมายถึง
บุคคลที่มีศิลป์ บุคลิกภาพ ความสามารถ เหนือบุคคลทั่วไป
สามารถชักจูงให้ผู้อื่นปฏิบัติตามที่ต้องการได้ ส่วนความเป็นผู้นำ (Leadership)
เป็นกระบวนการที่มีอิทธิพลต่อกลุ่ม เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
ผู้บริหารทุกคนควรเป็นผู้นำ และมีภาวะผู้นำ
แต่ผู้นำไม่สามารถเป็นผู้บริหารที่ดีได้ทุกคน เพราะผู้บริหารต้องมีทักษะ
มีความสามารถในหน้าที่ของผู้บริหารด้วย
ประเภทของผู้นำ
1.
ผู้นำตามอำนาจหน้าที่ เป็นผู้นำโดยอาศัยอำนาจหน้าที่ (Authority) และมีอำนาจบารมี (Power) เป็นเครื่องมือ
มีลักษณะที่เป็นทางการ (Formal) และไม่เป็นทางการ (Informal)
เกิดพลังร่วมของกลุ่มในการดำเนินงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
จำแนกผู้นำประเภทนี้ออกเป็น 3 แบบ คือ
1.1 ผู้นำแบบใช้พระเดช (Legal
Leadership)
1.2 ผู้นำแบบใช้พระคุณ (Charismatic
Leadership)
1.3 ผู้นำแบบพ่อพระ (Symbolic
Leadership)
2. ผู้นำตามการใช้อำนาจ
2.1 ผู้นำแบบเผด็จการ (Autocratic
Leadership)
2.2 ผู้นำแบบเสรีนิยม (Laisser-Faire
Leadership) หรือ Free-rein Leadership
2.3 ผู้นำแบบประชาธิปไตย
(Democratic Leadership)
3. ผู้นำตามบทบาทที่แสดงออก จำแนกเป็น 3
แบบ คือ
3.1 ผู้นำแบบบิดา-มารดา (Parental
Leadership)
3.2 ผู้นำแบบนักการเมือง (Manipulater Leadership)
3.3 ผู้นำแบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert Leadership)
ศูนย์วิจัยของมหาวิทยาลัย
Michigan
ได้ศึกษาพฤติกรรมของผู้นำ แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
1. ผู้นำที่มุ่งคน (Employee
Oriented) คือผู้นำที่เน้นความมีสัมพันธภาพที่ดีกับพนักงาน
กับบุคคลทั่วไป ยอมรับฟังความคิดเห็นของพนักงาน
2. ผู้นำที่มุ่งงาน (Production
Oriented) เน้นวิธีการปฏิบัติงานและผลงานที่จะได้
มองพนักงานเป็นเพียงเครื่องมือที่ทำให้เกิดผลงาน
คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นผู้นำที่ดีได้ดังนี้
คือ
1. มีความเฉลียวฉลาด
2. มีการศึกษาอบรมดี
3.
มีความเชื่อมั่นใจตนเอง
4.
เป็นคนมีเหตุผลดี
5.
มีประสบการณ์ในการปกครองบังคับบัญชาเป็นอย่างดี
6.
มีชื่อเสียงเกียรติคุณ
7.
สามารถเข้ากับคนทุกชั้นวรรณะได้เป็นอย่างดี
8.
มีสุขภาพอนามัยดี
9.
มีความสามารถเหนือระดับความสามารถของบุคคลธรรมดา
10
มีความรู้เกี่ยวกับงานทั่ว ๆ ไปขององค์กร หรือหน่วยงานที่ตนปฏิบัติอยู่โดยเฉพาะ
11.
มีความสามารถเผชิญปัญหาเฉพาะหน้า
ที่จะเกิดขึ้นในขณะปฏิบัติงานให้ได้ทันท่วงที
12.
มีความสามารถคาดการณ์
ภาวะผู้นำ (Leadership) ภาวะผู้นำ กระบวนการหรือพฤติกรรมการใช้อิทธิพลเพื่อควบคุม สั่งการ
เกลี้ยกล่อม จูงใจ ให้ผู้ตามหรือกลุ่ม ปฏิบัติตามเพื่อการบรรลุเป้าหมาย
หรือความเป็นผู้นำนั้นเอง คุณสมบัติของผู้นำมีหลายอย่าง หลายด้าน
ผู้นำจะต้องมีความสามารถในการปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านั้นให้ถูกต้องและได้ผลดี
ภาวะผู้นำ
(Leadership)
1. ผู้นำโดยกำเนิด ผู้นำประเภทนี้
เกิดมาก็มีคุณลักษณะบ่งบอกถึงความเป็นผู้นำ อาจสืบทอดโดยตำแหน่ง
หรือโดยบุญบารมีที่ได้สั่งสมกันมาเป็นเวลานาน จึงทำให้บุคคลนั้น
เป็นที่ยอมรับนับถือของบุคคลอื่น ท่านเหล่านี้จึงเป็นผู้นำโดยกำเนิด เช่น
พระพุทธเจ้า พระเจ้าอยู่หัว
2. ผู้นำที่มีความอัจฉริยะ ผู้นำประเภทนี้เกิดขึ้นได้เพราะเป็นผู้มีความสามารถเป็นอัจฉริยะ
โดยเฉพาะบุคคลในตอนเริ่มต้นของชีวิตในระยะแรก ๆ ก็เหมือนกับบุคคลทั่วไป
แต่เนื่องจากเป็นผู้มีความเฉลียวฉลาด มีสติปัญญา
ได้รับการศึกษาพัฒนาปรับตัวเข้าสู่การเป็นผู้นำ เช่น พลเอกเปรม ติณสูลานนท์
นายธานินทร์ เจียรวนนท์ และนายบิลเกตต์
3. ผู้นำที่เกิดขึ้นตามสายงานบริหาร ผู้นำประเภทนี้เป็นผู้นำที่เกิดจากการได้รับการแต่งตั้งตามสายงานการบริหาร
ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ประสบความสำเร็จก็จะได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น เช่น อธิบดี
ผู้อำนวยการ อธิการบดี หัวหน้าฝ่าย
4.
ผู้นำตามสถานการณ์ เป็นผู้นำที่เกิดขึ้นแบบมีทีมงานเป็นส่วนใหญ่ มีความใฝ่ใจสูง
เน้นการบริหารงานให้ได้ทั้งคนและทั้งงาน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นมีจุดมุ่งหมายร่วมกัน
รู้จักหน้าที่ของตน ผู้นำประเภทนี้แสดงออกให้เกินถึงความเป็นผู้นำที่ต้องออกคำสั่ง
การบังคับบัญชา การตัดสินใจ ผู้นำแบบนี้มักเป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นครู
เป็นผู้สอนแทน ผู้นำในการฝึกอบรม การประชุม
ผู้นำยุคใหม่
คุณสมบัติของผู้นำตามอักษรแต่ละตัวในคำว่า
LEADERSHIP
มีความหมายบ่งชี้ถึงลักษณะต่างๆ ของผู้นำที่ดี ดังนี้
1. L คือ Listen เป็นผู้ฟังที่ดี..
2. E คือ Explain สามารถอธิบายสิ่งต่างๆ ให้เข้าใจได้..
3. A คือ Assist ช่วยเหลือเมื่อควรช่วย…
4. D คือ Discuss รู้จักแลกเปลี่ยนความคิดเห็น..
5. E คือ Evaluation
ประเมินผลการปฏิบัติงาน..
6. R คือ Response แจ้งข้อมูลตอบกลับ…
7. S คือ Salute ทักทายปราศรัย...
8. H คือ Health มีสุขภาพดีทั้งกายและใจ..
9. I คือ Inspire รู้จักกระตุ้นและให้กำลังใจลูกน้อง..
10. P คือ Patient มีความอดทนเป็นเลิศนั่นเอง..
สรุป
ผู้นำยุคใหม่ ก้าวไกลสู่สากล
จึงจำเป็นต้องเป็นผู้มีความรู้ ความคิดดี มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีวิสัยทัศน์
สามารถคิดคาดการณ์ล่วงหน้า มีความมุ่งมั่น มีจิตใจดีงาน (business
mind, social heart) พร้อมที่จะรับฟัง ยอมรับ และใส่ใจผู้อื่น
มีความฉลาดทางความคิดปัญญา และความฉลาดทางอารมณ์ รู้เท่าทันอารมณ์ จัดการกับอารมณ์
และจูงใจ ทั้งตนเองและผู้อื่นให้มีจิตใจร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว
เพื่อร่วมกันทำงานได้ด้วยความเต็มใจเพื่อนำองค์กรไปสู่ความเจริญก้าวหน้าที่ยั่งยืน
ผู้นำจึงควรเป็นผู้ที่หัวใหญ่
(Head)
ใจโต (Heart) มือกว้าง (Hand) และร่างสมาร์ท (Health)
ความรู้เกี่ยวกับผู้บริหาร
ผู้บริหารหรือผู้จัดการ เป็นสมาชิกในองค์กรแต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนที่ทำงานในองค์กรจะเป็นผู้บริหารทุกคน
สมาชิกในองค์กรขนาดใหญ่แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ผู้ปฏิบัติงานกับผู้บริหาร
ในองค์การนั้นผู้บริหารต่างๆ อาจมีชื่อเรียกต่างๆ กัน เช่น ผู้บริหารระดับล่างมักจะใช้ชื่อว่าSupervisor ถ้าในโรงงานอุตสาหกรรมจะเรียกว่า Foreman (หัวหน้างาน)
ส่วนผู้บริหารระดับกลางก็จะมีชื่อเรียกต่างๆ กัน เช่น ผู้จัดการโรงงาน
ผู้จัดการแผนก หัวหน้าหน่วย ผู้บริหารระดับสูงขององค์กรรับผิดชอบในด้านนโยบาย
กลยุทธ์และตัดสินใจนั้น ได้แก่ รองประธาน ประธาน ผู้อำนวยการ ประธานบอร์ด CEO
ผู้บริหารแบ่งออกเป็น 5 ประเภท
คือ
1.
ผู้บริหารทำหน้าที่สั่งการ (Line Manager)
2.
ผู้บริหารทำหน้าที่ให้คำแนะนำ (Staff Manager)
3.
ผู้บริหารทำหน้าที่สั่งการเฉพาะด้าน
(Functional
Manager)
4.
ผู้บริหารทั่วไป (General Manager)
5.
ผู้บริหาร (Administrator)
คุณลักษณะของผู้บริหาร
นักบริหารมืออาชีพได้สรุปคุณลักษณะดังนี้
1.
Vision
เป็นผู้มีวิสัยทัศน์
2.
Charisma
เป็นผู้มีเสน่ห์ มีแรงดึงดูด สร้างความเชื่อให้คนเกิดความศรัทธา คล้อยตามได้
3.
Integrity
มีความเป็นปึกแผ่น เหนียวแน่น
4.
Self
– Less ทำอะไรไม่นึกถึงตนเองแต่คำนึงถึงส่วนรวม
5.
Courage
มีความกล้าหาญ
6.
Uncompromising
ไม่ยอมอ่อนในเรื่องบางเรื่อง
7.
High Ground ความมีมาตรฐานในตัวเองมีความซื่อสัตย์
และมีความโปร่งใสสูง
8.
Listening รู้จักฟัง
9.
Fairness
มีความยุติธรรมเที่ยงธรรม
10.
Sense
of Time มีสติ รู้ทันเหตุการณ์ว่าต้องทำอะไร
11.
Know Others Know One self เข้าใจคนอื่นและเข้าใจตนเอง
หรือรู้เขารู้เรา
12.
Judgment
ยุติธรรม
13.
Inspiring
มีความมุ่งมั่น
14.
Faith
มีความเชื่อมั่น ศรัทธา
15.
Institutional
มีความเป็นองค์กรนั้น
คุณลักษณะของผู้บริหาร
ผู้บริหารที่ดีควรที่จะมีคุณสมบัติของผู้นำควบคู่ไปด้วย
ดังนี้
1. มีภาวะผู้นำ มีศิลปะในการครองใจคน
2. มีเมตตาธรรม ไม่มีอคติหรือฉันทคติ
3. ต้องอยู่บนพื้นฐานของเหตุผลและความถูกต้อง
4. เป็นนักคิด นักวิเคราะห์
5. มีการสร้างวิสัยทัศน์
6. มีทักษะหลายด้าน •ทักษะในการตัดสินใจ •ทักษะในการวางแผน •ทักษะในการจัดองค์กร •ทักษะในการแก้ไขปัญหา •ทักษะในการสร้างทีมงาน
7. รอบรู้และมีข้อมูลที่ทันสมัย
8. รู้และเข้าใจบทบาทหน้าที่ทันสมัย
9. กล้าตัดสินใจ
10. มียุทธวิธีและเทคนิค
11. รู้จักประนีประนอมและยืดหยุ่น
12. รู้จักการเจรจาต่อรอง (Win – Win) บางครั้งต้องรู้จัก แพ้เพื่อชนะ
13. ประสานงานเป็นและประสานประโยชน์ได้
14. รู้จักใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
15. เป็นนักประชาธิปไตย
16. กระจายอำนาจเป็น
17. รู้จักทำงานในเชิงรุก
18. พิจารณาคนเป็น
19. โปร่งใสและตรวจสอบได้
20. รู้จักควรไม่ควร รู้จักความพอดี
คุณสมบัติที่ได้กล่าวมาทั้งหมดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
ของผู้บริหารและผู้นำที่ต้องศึกษาเรียนรู้และพัฒนา และปรับตัวให้เข้ากับสภาพเงื่อนไขต่างๆ
ทันคน ทันงาน ทันการณ์(กาล) ทันเกมของการเปลี่ยนแปลงคนยุคเศรษฐกิจไร้พรมแดน
ระดับผู้บริหารและอำนาจหน้าที่
1. ผู้บริหารหรือหัวหน้างานระดับต้น First – Line
Manager ทำหน้าที่ตรวจสอบควบคุมงานเท่านั้นจัดการงานเท่าที่ได้รับคำสั่งให้ทำ
จึงไม่ถึงขีดขั้นที่จะเข้าระดับ “ผู้จัดการ” โดยปกติจะมีชื่อเรียกต่าง ๆ กัน เช่น หัวหน้างาน (Foreman)
2. ผู้บริหารระดับกลาง (Middle Managers) ได้แก่ตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายผลิต
หัวหน้าวิศวกร ผู้จัดการฝ่ายการตลาดฯลฯ ดังนั้นอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้บริหารระดับกลาง
Middle Management มีดังนี้
·
วางแผนระยะกลาง
·
กำหนดนโยบายของแต่ละฝ่ายงาน
·
วัดและประเมินผลงานของผู้ใต้บังคับบัญชา
และหัวหน้างานทั้งหลายในสายงานของตน
·
แจกจ่ายมอบหมายงาน ประสานงาน
และตรวจสอบควบคุม
3. ผู้บริหารระดับสูง (Top
Managers) ได้แก่ ตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท
ประธานบริษัท ผู้บริหารระดับสูงหรือรองประธาน
ผู้อำนวยการหรือผู้ช่วยผู้อำนวยการ ตำแหน่งผู้ว่าการ เลขาธิการ อธิบดี ปลัดกระทรวงเป็นต้น มีหน้าที่และความรับผิดชอบ
การจัดการระดับสูง (Top
Management) หรือการบริหารระดับสูง (Top Executive) งานที่ทำได้แก่
·
พิจารณาและทบทวนแผนกลยุทธ์ แผนระยะยาว
·
ประเมินผลการปฏิบัติงานของแผนงานหลักต่าง
ๆ
·
ประเมินเจ้าหน้าที่ชั้นบริหาร และเตรียมการคัดเลือกนักบริหารตำแหน่งสำคัญ
·
ปรึกษาหารือกับผู้บริหารระดับรองลงไปในเรื่องราวและปัญหาสำคัญต่าง
ๆ
ระบบการบริหาร (Management System)
ระบบการบริหารแบ่งเป็น 2 ประเภท
คือ
1. ระบบเปิด (Open system) เป็นองค์การซึ่งดำเนินภายในและมีการปฏิสัมพัทธ์ (interacts) กับสภาวะแวดล้อมทั้งภายในและภายนอก วิธีการบริหารงานอย่างอย่างมีระบบนั้นประกอบไปด้วย
ปัจจัยจากสภาวะแวดล้อมภายนอกและจากการเรียกร้องขบวนการแปลงสภาพ
ระบบการติดต่อสื่อสาร
2. ระบบปิด (Closed
System) เป็นระบบที่ไม่ต้องการอิทธิพลใด ๆ
จากภายนอกและไม่ได้เกี่ยวข้องกับสภาวะแวดล้อมต่าง ๆ ธุรกิจมักจะมองแต่ภายในองค์การของตนเองมากกว่าท่าจะสนใจกับสภาพแวดล้อม
รอบ ๆ ตัวธุรกิจไม่ว่าจะเป็นลูกค้า รสนิยมผู้บริโภค สภาพการณ์ของตลาด ฯลฯ
การบริหารงานในหลายรูปแบบ โดยทั่วไปสรุปได้ 3 แบบ ดังนี้
·
รูปแบบที่ 1 บริหารงานแบบอัตตาธิปไตย คือ
การถือตนเอง
ความคิดเห็นหรือวิธีการของตนเองเป็นใหญ่
ถือว่าตนเองฉลาดหรือเก่งกว่าใคร
บริหารงานแบบเผด็จการ
·
รูปแบบที่ 2 บริหารงานแบบโลกาธิปไตย คือ การถือคนอื่นเป็นใหญ่ ไม่มีจุดยืนของตนเอง ขาดความเชื่อมั่นและไม่กล้าตัดสินใจ
·
รูปแบบที่ 3
บริหารงานแบบธรรมาธิปไตย คือ
การถือธรรมหรือหลักการและเหตุผลเป็นสำคัญ
ทำงานแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์
ยึดเอาความสำเร็จของงานส่วนรวมเป็นที่ตั้ง (RBM: Result Based Management) ยินดีฟังคำแนะนำจากทุกฝ่าย
ภาระหน้าที่และลักษณะงานของผู้บริหาร
หน้าที่ของผู้บริหาร (Management
Functions) เป็นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดกระบวนการจัดการ Henri Fayol นักอุตสาหกรรมชาวฝรั่งเศส
ในต้นศตวรรษที่ 19 ได้เสนอหน้าที่ของผู้บริหารดังนี้ (POCCC)
1. Planning (การวางแผน)
2. Organizing (การจัดองค์การ)
3. Commanding (การสั่งการ)
4. Coordinating
(การประสานงาน)
5. Controlling (การควบคุม)
บทบาททางการบริหาร (Management
Roles)
Henry Mintberg ได้ทำการศึกษาวิจัยพบว่าบทบาทของผู้บริหารที่สำคัญมี
10 อย่างประกอบด้วย 3 กลุ่มหลัก ซึ่งมีความสัมพันธ์ต่อกันอย่างมากบทบาท คือ
1. บทบาทด้านมนุษย์สัมพันธ์ (Interpersonal roles) ได้แก่
- ประธาน (Figurehead) เป็นบทบาทในการเป็นตัวแทนองค์กร
เป็นหัวหน้าในการปฏิบัติภารกิจประจำวันตามลักษณะทางสังคมและกฎหมาย เช่น
อบรมสัมมนาต้อนรับลูกค้า หรือเป็นการสวมหัวโขนนั่นเอง
- ผู้นำ
(Leadership) เป็นบทบาทที่ต้องรับผิดชอบในการจูงใจและชี้นำผู้ใต้บังคับบัญชา
ให้ทำงานอย่างเต็มความสามารถ
- ผู้เชื่อมสัมพันธ์ไมตรี (Liasson) เป็นบทบาทในการสร้างและรักษาความสัมพันธ์กับองค์การภายนอก
การสร้างเครือข่ายต่าง ๆ สร้างไมตรี ผูกมิตรอันดีกับบุคคลหรือกลุ่มต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อองค์การ
2. บทบาทด้านข่าวสาร (Informational
roles) ได้แก่
- ผู้แสวงหาข้อมูลข่าวสาร (Monitor)
- ผู้กระจายข้อมูลข่าวสาร (Disseminator)
- โฆษก ประชาสัมพันธ์ (Spokesperson)
3. บทบาทด้านการตัดสินใจ (Decision
roles) ได้แก่
-
ผู้ประกอบการ (Entrepreneur)
-
ผู้ขจัดความขัดแย้ง (Disturbance Handler)
-
ผู้จัดสรรทรัพยากร (Resource Allocate)
-
ผู้เจรจาต่อรอง (Negotiator)
ทักษะของผู้บริหาร
Robert L. Katz ได้เสนอว่าทักษะของผู้บริหารที่สำคัญมี
3 อย่าง คือ
1) ทักษะด้านเทคนิค (Technical Skills)
2)
ทักษะด้านมนุษย์สัมพันธ์ (Human Skills)
3) ทักษะด้านการประสมแนวความคิด (Conceptual Skill)
จากการสำรวจ
ผู้บริหารที่มีประสิทธิผลกับผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จจะใช้เวลาในการทุ่มเทให้กับกิจกรรมดังกล่าวต่างกัน
คือ ผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จ (Successful Managers) ซึ่งก้าวหน้าในหน้าที่การงานได้เร็วกว่าผู้อื่น
จะเน้นกิจกรรมด้าน networking มากที่สุดทำกิจกรรมด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์น้อยที่สุด
ส่วนผู้บริหารที่ตั้งใจทำงานให้เกิดประสิทธิผล (Effective Manager) ซึ่งพิจารณาจากปริมาณและคุณภาพของการปฏิบัติงานเป็นเครื่องวัดนั้น
จะเน้นด้านการติดต่อสื่อสาร (Communication) การบริหารทรัพยากรมนุษย์และงานด้านการบริหารตามลำดับ
ส่วนกิจกรรมด้าน networking จะทำน้อยที่สุด
Vocabulary (คำศัพท์)
Courage – มีความกล้าหาญ
Judgment – ยุติธรรม
Inspiring – ความมุ่งมั่น
Faith – ความเชื่อมั่น ศรัทธา
Charisma - เป็นผู้มีเสน่ห์
Applied (การประยุกต์ใช้)
นำความรู้ที่ได้ปรับใช้กับตนเองให้พร้อมสู่การเป็นผู้นำยุคใหม่หากมีโอกาส
ผู้นำจึงจำเป็นต้องเป็นผู้มีความรู้ ความคิดดี มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
มีวิสัยทัศน์ มีความมุ่งมั่น มีจิตใจดีงามพร้อมที่จะรับฟัง ยอมรับ และใส่ใจผู้อื่น
มีความฉลาดทางความคิดปัญญา และความฉลาดทางอารมณ์ รู้เท่าทันอารมณ์ จัดการกับอารมณ์
Evaluation (การประเมิน)
Self (ประเมินตนเอง)
เข้าเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน
ตั้งใจฟังที่อาจารย์สอน มีความพร้อมในการเรียน จดบันทึกเนื้อหาสาระสำคัญ และตอบคำถามอาจารย์เป็นการแลกเปลี่ยนเนื้อหาสาระ
Friends (ประเมินเพื่อน)
เพื่อนๆทุกคนมาเรียนตรงเวลา ตั้งใจเรียน
แต่งกายสุภาพเรียบร้อย จดบันทึกเนื้อหาสาระสำคัญ
เพื่อนที่นำเสนอคำคมทางการบริหารก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
Teacher (อาจารย์)
อาจารย์แต่งกายสุภาพ พูดจาไพเราะ
ใช้นำเสียงที่สุภาพ น่าฟัง ทำให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น เตรียมสื่อการสอนมาเป็นอย่างดี
ทำให้บรรยากาศในการเรียนราบรื่น สนุกสนาน
Photo Gallery (ประมวลภาพกิจกรรม)