บันทึกอนุทิน ครั้งที่ 8
วันจันทร์ ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2561
เวลา
08.30 - 11.30 น.
Knowledge
(ความรู้)
นำเสนอคำคมทางการบริหาร
นำเสนอวิจัย (กลุ่ม)
งานวิจัยเรื่อง การบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา
ในจังหวัดนครสวรรค์
การศึกษา ระดับปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัย บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ผู้วิจัย พระสกล ฐานธมฺโม (อินทร์คล้าย) ปีการศึกษา
๒๕๕๖
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
๑
เพื่อศึกษากระบวนการ การบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์
๒
เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูและผู้บริหารต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์โดยจําแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล
๓
เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์
งานวิจัยนี้นำแนวคิดทฤษฏีทางการบริหารใดมาใช้
·
เทเลอร์
(Frederick W Taylor) บิดาแห่งการบริหารหลักเกณฑ์การบริหารซึ่งมีพื้นฐานอยู่ในหลักการ
(Principles) ที่สําคัญ ๔ ประการ
·
ทฤษฎีการบริหารของเฮนรีฟาโย
หน้าที่ทาง การบริหาร ๕ ประการ
·
วิลเลียม
โอชิ(William Ouchi) ทฤษฎีZ
·
ลูเธอร์
กูลิค (Luther Gulick) POSDCORB Model
·
ฟาโย
(Fayol) หลักการในการบริหารจัดการขึ้น
๑๔ ประการ
สรุปผลการวิจัย
๑
ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูผู้สอนต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรร
มาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์
จากผลการวิจัย
พบว่า ความคิดเห็นของผู้บริหารและครูผู้สอนต่อการบริหารสถานศึกษา
ตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์
ในภาพรวมอยู่ในระดับมากทุก ด้าน อันเนื่องมาจากผู้บริหารและครูผู้สอนมีความเข้าใจในหลักธรรมาภิบาล
ในการบริหารงานและ การทํางานในหน่วยงาน
๒.
การเปรียบเทียบความคิดเห็นของผู้บริหารและครูผู้สอนมีความคิดเห็นต่อการ
บริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผูบริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์จําแนก
ตามปัจจัยส่วนบุคคล ด้าน เพศ, อายุ, ระดับการศึกษา, ตําแหน่ง, และระยะเวลาในการดํารงตําแหน่ง
พบว่า
ผู้บริหารและครูผู้สอนที่มีเพศ, อายุ, ตําแหน่งปัจจุบัน และระยะเวลาในการดํารงตําแหน่งต่างกัน
มีความคิดเห็นของผู้บริหารและครูผู้สอนต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหาร
สถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์โดยภาพรวมไม่แตกต่างกัน
งานวิจัยเรื่อง
รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
การศึกษาระดับ ปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต
(การบริหารการศึกษา)
มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ผู้วิจัย นายธีระวัฒน์ มอนไธสง ปีการศึกษา พ.ศ. 2557
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อศึกษาองค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
2.
เพื่อศึกษารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
3.
เพื่อตรวจสอบรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
แนวคิดทฤษฏีทางการบริหาร
แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผล
·
Robbins
(1999) เสนอว่าวิธีวัดประสิทธิผลขององค์การมีอยู่สี่วิธีด้วยกัน คือ
1) วัดจากความสามารถขององค์การในการบรรลุเป้าหมาย 2) วัดโดยอาศัยความคิดระบบ 3)
วัดจากความสามารถขององค์การในการชนะใจผู้มีอิทธิผล และ4)
วัดจากค่านิยมที่แตกต่างกันของสมาชิกองค์การ
·
Edmonds
(1979) ได้เสนอแนวคิดที่นำไปสู่ความเป็นโรงเรียนที่มีประสิทธิผลด้วยปัจจัย
5 ประการ คือ 1. ภาวะผู้นำที่แข็งแกร่งของผู้บริหาร 2. ความเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านทักษะพื้นฐาน
3. สภาพแวดล้อมของโรงเรียนที่สะอาดเรียบร้อยและปลอดภัย 4.
ความคาดหวังของครูที่มีต่อนักเรียนในระดับสูง 5.
การเฝ้าติดตามประเมินความก้าวหน้าของนักเรียนอย่างต่อเนื่อง
·
Pierce
(1991) ได้วิเคราะห์ลักษณะการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผล ในปี ค.ศ.
1991พบว่ามีลักษณะ ดังนี้1. การให้ความเคารพกับความหลากหลายทางวัฒนธรรม 2.
การพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่เน้นการสร้างครูที่ช่วยเหลือนักเรียนที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม
3. หลักสูตรที่เน้นการ
บูรณาการและพัฒนาได้มากกว่าทักษะพื้นฐาน 4. การส่งเสริมให้นักเรียนเกิดความร่วมมือในการวางแผนกับครู
5. การมีส่วนร่วมในการดูแลนักเรียนระหว่างครูและผู้ปกครอง
สรุปผลการวิจัย
จากผลการวิจัยสรุปได้ว่า
รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียนมีสองรูปแบบ
คือ รูปแบบมุ่งเน้นการนิเทศ กับรูปแบบมุ่งเน้นเป้าหมาย
สถานศึกษาสามารถที่จะนำไปใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้น
สถานศึกษาต้องยึดหลักการกระจายอำนาจในการตัดสินใจโดยมุ่งไปที่การตัดสินใจร่วมกันในการบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียน
เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน และชุมชน จึงทำให้รูปแบบการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผลเป็นรูปแบบที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง
งานวิจัยเรื่อง การบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล
โรงเรียนขยายโอกาส ทางการศึกษา อำเภอ เลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
การศึกษาระดับ ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต
มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ผู้วิจัย พระสุธิศักดิ์
สุภกิจฺโจ (เขียวหวาน) ปีการศึกษา 2554
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
๑.๒.๑
เพื่อศึกษาการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาอำเภอเลาขวัญ
จังหวัดกาญจนบุรี
๑.๒.๒
เพื่อเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นต่อการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา
อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
๑.๒.๓
เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา
อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับการบริหารการศึกษา
·
สมยศ นาวีการ ได้กล่าวถึงแนวคิดการบริหารไว้ว่า
การบริหารงานไม่ว่าจะเป็นรูปแบบผู้นำโครงสร้างระบบราชการและหน้าที่ของผู้บริหารในองค์การแห่งหนึ่งสามารถนำมาประยุกต์ไปใช้กับองค์การ
เรียกว่า วิธีดีที่สุด (One
Best Way) อย่างไรก็ตามผู้บริหารในแต่ละองค์การจะเผชิญกับสถานการณ์เฉพาะที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง
ไม่มีหลักสากลใดที่สามารถใช้ได้กับทุกปัญหาผู้บริหารต้องศึกษาการบริหาร
โดยมีประสบการณ์จากกรณีศึกษา (Case Study) จำนวนมากและวิเคราะห์ว่าวิธีการใดที่สามารถใช้ในสถานการณ์ใหม่ๆ
สรุปผลการวิจัย
การศึกษาเรื่องการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล
โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี สรุปได้ดังนี้
๕.๑.๑ ข้อมูลทั่วไปของครูผู้ตอบแบบสอบถามครูผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนทั้งสิ้น
๑๖๐ คน ส่วนใหญ่เป็นหญิง จำนวน ๙๗ คนคิดเป็นร้อยละ ๖๐.๖ เป็นชาย จำนวน ๖๓ คน
คิดเป็นร้อยละ ๓๙.๔
๕.๑.๒
ผลการวิเคราะห์ความคิดเห็นของครูผู้สอนที่มีต่อการบริหารการศึกษาตามหลัก
ธรรมาภิบาล
โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษาอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี โดยรวมอยู่ในระดับมาก
เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่าครูมีความเห็นอยู่ในระดับมากทุกข้อ
งานวิจัยเรื่อง รูปแบบการบริหารงานสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มี
ประสิทธิผลในจังหวัดนนทบุรี
การศึกษาระดับ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต
สาขาวิชาบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีปทุม
ผู้วิจัย นางเรขา ศรีวิชัย ปีการศึกษา 2554
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1.ศึกษาสภาพการบริหารงานของสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผลใน
จังหวัดนนทบุรี
2.
เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารงานของสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผล
ในจังหวัดนนทบุรี
แนวคิดทฤษฏีทางการบริหาร
·
แนวคิดและทฤษฎีระบบโรงเรียนในฐานะระบบสังคมของ
Hoy
&Miskel
·
แนวคิดและทฤษฎีการบริหารโรงเรียนเชิงระบบของ
Lunenburg
& Ornstein
สรุปผลการวิจัย
1.รูปแบบการบริหารงานสถานศึกษา เอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผล ประกอบด้วย
ปัจจัยนำเข้าที่มีองค์ประกอบย่อย
คือ สภาพแวดล้อมของสถานศึกษาการตอบสนองความต้องการของชุมชนและแหล่งเรียนรู้ในชุมชน
นโยบายของรัฐบาล นโยบายของคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้เรียน ผู้บริหารและครู
จรรยาบรรณวิชาชีพ ของครู จรรยาบรรณวิชาชีพ ของผู้บริหาร และ งบประมาณ
ปัจจัยด้านกระบวนการนั้น ประกอบด้วย
การบริหารจัดการหลักสูตรการเรียน การสอน และการวัดและประเมินผลด้านผลผลิต
คือผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน และความพึงพอใจ ของผู้ปกครองนักเรียน
2.จากการประเมินรูปแบบการบริหารงานสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผล
ในจังหวัดนนทบุรี พบว่ารูปแบบนี้มีประโยชน์มีความสอดคล้องและความเป็นไปได้
ส่วนความเหมาะสมจำเป็นต้องพัฒนาจากขนาดของสถานศึกษารวมทั้งสถานศึกษาจะต้องแสดงความเป็น
เอกลักษณ์และอัตลักษณ์ในการบริหารจัดการให้ชัดเจนด้วย
งานวิจัยเรื่อง การบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของโรงเรียน
ในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1
การศึกษาระดับ
ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต
มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ผู้วิจัย นางสาว ยุกตนันท์
หวานฉ่ำ ปีการศึกษา 2555
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อศึกษาระดับการบริหารสถานศึกษาของโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1
2. เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1
3. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1
สรุปผลการวิจัย
จากผลการวิจัยพบว่าการบริหารสถานศึกษาในอำเภอคลองหลวง
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปทุมธานีเขต 1 ด้านการบริหารงบประมาณ
มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในอันดับสุดท้ายของทุกด้าน ดังนั้น ทางสถานศึกษาต้องมีการศึกษา
วิเคราะห์การจัดและการพัฒนาการศึกษาในการจัดสรรงบประมาณของสถานศึกษาตามกรอบทิศทางของเขตพื้นที่การศึกษาและตามความต้องการของสถานศึกษา
ซึ่งบุคลากรทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วมในการวางแผนกลยุทธ์มีการกำหนดแผนพัฒนาทั้งระยะสั้นและระยะยาวรวมถึงมีการจัดทำข้อมูลทรัพยากรเพื่อการศึกษา
การจัดหาเงินงบประมาณ และการระดมทุนเพื่อพัฒนาการศึกษาของสถานศึกษา
โดยมีการจัดตั้งกองทุนเพื่อการศึกษา
มีการจัดระบบสวัสดิการมีการจัดทำระบบฐานข้อมูลสินทรัพย์ในการจัดหารายได้และผลประโยชน์ของสถานศึกษา รวมทั้งมีการตรวจสอบ ติดตาม
ประเมินผลและรายงานผลการใช้งบประมาณของสถานศึกษาให้ได้ทราบโดยทั่วกันจากผลการวิจัยพบว่าประสิทธิผลของโรงเรียน
ในอำเภอคลองหลอวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาปทุมธานีเขต 1
พบว่าความใฝ่รู้รักการอ่าน แสวงหาความรู้ด้วยตนเองของนักเรียน
มีคะแนนเฉลี่ยอยู่ในอันดับ สุดท้ายของทุกด้าน
ดังนั้นทางสถานศึกษาควรส่งเสริมให้นักเรียนได้ศึกษาค้นคว้า
และสืบค้นข้อมูลด้วยตนเอง
ฝึกให้นักเรียนมีความรับผิดชอบและมีความกระตือรือร้นในการทำงานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ
งานวิจัย เรื่อง การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม
สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่
การศึกษาระดับ ประถมศึกษา
มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
ผู้วิจัย ลดารัตน์ ศศิธร ปีการศึกษา
2558
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1.ศึกษาการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่
ตามความคิดเห็นของผู้บริหารการศึกษา ครูผู้สอนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
2.เปรียบเทียบการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ตามความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา
ครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำแนกตาม ตำแหน่ง
ประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในสถานศึกษาและลักษณะของโรงเรียน
3.ศึกษาความพึงพอใจ
การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่
ตามความคิดเห็นของ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียน
4.รวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะ
ในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่
ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียน
งานวิจัยนี้นำแนวคิดทฤษฏีทางการบริหารใดมาใช้
·
ทฤษฎีเกี่ยวกับความพึงพอใจ Scott (1997)
·
ทฤษฎีแรงจูงใจ Herzberg
(1959) ศึกษาถึงสาเหตุจูงใจให้คนทำงาน โดยมี 2 ปัจจัย
ที่เกี่ยวข้องกับแรงจูงใจในการทำงาน คือ 1.ปัจจัยค้ำจุน (Hygiene Factors) 2.ปัจจัยกระตุ้น (Motivation Factors)
·
ทฤษฎีลำดับขั้นตอนของความต้องการ Maslow (1970)
สรุปผลการวิจัย
ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
มีความคิดเห็นต่อการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็ก โดยการจัดการเรียนร่วมในภาพรวมและหลายด้านอยู่ในระดับปานกลาง
และเมื่อพิจารณารายข้อในด้านการบริหารจัดการทั่วไป พบว่าผู้บริหารจัดการศึกษาครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน มีความคิดเห็นว่าในการบริหารจัดการเรียนร่วมได้มีการดำเนินงานเรื่องการเดินทางไปเรียนร่วมกับนักเรียนและสามารถดำเนินการได้ตามแนวปฏิบัติและครอบคลุมนักเรียนทุกคนอย่างสูงสุดเท่ากัน
Vocabulary (คำศัพท์)
Research - วิจัย
Theory
- ทฤษฎี
Position
- ตำแหน่ง
Budget - งบประมาณ
Satisfaction - ความพึงพอใจ
Applied
(การประยุกต์ใช้)
จากการนำเสนอวิจัยในครั้งนี้ได้รับความรู้จากในวิจัยและข้อเสนอแนะจากอาจารย์ทั้งของกลุ่มตนเองและกลุ่มเพื่อนๆอีก
5 กลุ่ม ได้ความรู้ในการทำวิจัยเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษา
และได้เห็นเค้าโครงวิจัยที่สมบูรณ์
Evaluation (การประเมิน)
Self (ประเมินตนเอง)
เข้าเรียนตรงเวลา เตรียมพร้อมในการนำเสนองานวิจัย และตั้งใจฟังเพื่อนกลุ่มอื่นนำเสนองานวิจัย
มีการถามคำถามเกี่ยวกับงานวิจัยภายในห้องเรียน
Friends
(ประเมินเพื่อน)
เพื่อนเตรียมงานนำเสนอวิจัยมาเป็นอย่างดี นำเสนอได้น่าสนใจ
แต่งกายเรียบร้อย มาเรียนตรงเวลา
Teacher
(อาจารย์)
อาจารย์แต่งกายสุภาพเรียบร้อย
ค่อยแนะนำและอธิบายเพิ่มเติมหลังจากนักศึกษาแต่ละกลุ่มนำเสนอจบ ทำให้นักศึกษาเกิดความเข้าใจมากขึ้น
Photo Gallery (ประมวลภาพกิจกรรม)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น